ในยุคที่มีแต่ความเจริญแทรกซึมไปทุกหย่อมหญ้า หลายพื้นที่อาศัยที่การกระจุกตัวของอาคารบ้านเรือนจำนวนมากมาย โรงงานอุตสาหกรรมที่ปล่อยมลพิษทางอากาศ รวมถึงรถราต่าง ๆ ที่ใช้พลังงานเชื้อเพลิงจำนวนมาก รวมไปถึงการก่อสร้างต่าง ๆ ล้วนแล้วแต่เป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดมลพิษทางอากาศทั้งสิ้น แต่ทว่าสิ่งพวกนี้ไม่ได้เกิดขึ้นแค่ภายนอกอาคารเพียงเท่านั้น ภายในบ้านของเราเอง ก็ยังเป็นแหล่งที่เต็มไปด้วยฝุ่นและมลภาวะทางอากาศต่าง ๆ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดโรคภูมิแพ้ ไม่ว่าจะเป็นฝุ่นละออง แบคทีเรีย ไวรัส ฝุ่นไร เชื้อรา และสิ่งที่ได้ปนเปื้อนมาพร้อมกับอากาศทั้งนั้น
จึงกล่าวได้ว่า “เครื่องฟอกอากาศ” อาจจะเป็นพระเอกของใครหลายคนได้ในยามนี้เลยหล่ะครับ
หลักการทำงานของเครื่องฟอกอากาศเป็นอย่างไร?
เครื่องฟอกอากาศ คือ เครื่องใช้ไฟฟ้าที่กำจัดสิ่งที่ปนเปื้อนมากับอากาศ เช่น ฝุ่น แบคทีเรีย หรือไวรัส รวมไปถึงกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ต่างๆ อย่าง กลิ่นควันบุหรี่ กลิ่นรองเท้า หรือกลิ่นเหม็นต่างๆ โดยการดูดอากาศที่ปนเปื้อนสิ่งเหล่านี้เข้าไปผ่านตัวกรองหรือไส้กรองที่อยู่ภายในเครื่องและปล่อยอากาศบริสุทธิ์ออกมา
ประโยชน์ของเครื่องฟอกอากาศ
ประโยชนหลัก ๆ ของเครื่องนั้นคือ การฟอกอากาศในบ้าน ที่มีทั้งฝุ่นละออง PM 2.5 , ความชื้น, เชื้อโรค ไรฝุ่นและสิ่งแปลกปลอมต่าง ๆ ที่มาพร้อมกับอากาศ และเราไม่สามารถที่จะมองเห็นได้ ทั้งนี้ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถกรองอากาศให้บริสุทธิ์ 100% ได้ก็ตาม แต่ก็กลายเป็นอากาศที่เหมาะสมกับสุขภาพของเรา ซึ่งสามารถสรุปได้เป็นข้อ ๆ ดังต่อไปนี้
1.เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นภูมิแพ้หรือผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับโรคทางเดินหายใจ
2.เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องใช้ชีวิตประจำวันคลุกคลีอยู่กับฝุ่นละอองอยู่เสมอ
3.เหมาะสำหรับผู้ที่อยู่ในสภาพแวดล้อมที่อับชื้น เชื้อโรคสามารถแพร่พันธุ์ได้เป็นอย่างดี
หลักการเลือก “เครื่องฟอกอากาศ”
การเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศนั้นมีหลายอย่างที่ต้องคำนึงถึง ซึ่งยกตัวอย่างได้ดังต่อไปนี้
1. ขนาดห้อง การเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศ ควรดูในเรื่องความเหมาะสมของพื้นที่ห้องด้วย เพราะเครื่องฟอกอากาศแต่ละรุ่นมีประสิทธิภาพในการฟอกอากาศต่างกัน
2. ระบบการทำงาน เป็นอีกหนึ่งอย่างที่ควรพิจารณาในการเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศ คือดูก่อนว่าระบบการทำงาน และคุณสมบัติตอบโจทย์การใช้งานของเราหรือไม่ ทั้งนี้รวมไปถึงฟังก์ชันการใช้งานอื่น ๆ
3. ค่า Airflow หรือตัววัดความเร็วลม จากปริมาณของอากาศที่ถูกดูดเข้าไปและเวลาในการปล่อยอากาศออกมาจากเครื่องฟอกอากาศ ซึ่งถ้าหากว่าเครื่องฟอกอากาศรุ่นนั้น มีค่า Airflow สูง ก็หมายถึง เครื่องฟอกอากาศรุ่นนั้นมีประสิทธิภาพในการฟอกอากาศสูงนั่นเอง
4. ค่า CADR (Clean Air Delivery Rate) หรืออัตราการสร้างอากาศบริสุทธิ์ต่อนาที ซึ่งเป็นค่าสากลที่ใช้วัดประสิทธิภาพในการทำงานของเครื่องฟอกอากาศ ถ้ามีค่า CADR สูง หมายถึงว่าเครื่องฟอกอากาศมีประสิทธิภาพในการทำงานดีขึ้นเท่านั้น
5. ระดับเสียง อีกเรื่องหนึ่งที่ไม่ควรมองข้าม โดยเครื่องฟอกอากาศที่ดีควรมีระดับเสียงการทำงานที่ต่ำ เพื่อป้องกันการรบกวนขณะพักผ่อน ซึ่งระดับเสียงที่มีความเหมาะสมไม่ควรเกิน 30-31 เดซิเบล
จากสถานการณ์ปัจจุบันแล้ว “เครื่องฟอกอากาศ” ช่วยแก้ปัญหาในเรื่องของสุขภาพ แต่ผู้ใช้เองก็ต้องดูแลรักษา หมั่นเปลี่ยนแผ่นไส้กรองตามระยะเวลาที่กำหนดเป็นประจำและไม่เพิกเฉย ซึ่งถ้าหากผู้ใช้งานละทิ้งการดูแลรักษา จะยิ่งเป็นการทำให้เครื่องฟอกอากาศทำงานหนัก ดูดซับสิ่งสกปรกและเชื้อโรคสะสมไว้ในตัวเองไม่น้อย ทำให้เป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคแทน ดังนั้นการเปลี่ยนดูแลรักษาตามกำหนดอายุการใช้งานจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึงเสมอ